วันพุธที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ความน่ากลัว ผู้หญิงโกรธ กำจัดเจ้าโลก



เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอมขอขอบคุณภาพประกอบจาก Youtube.com โพสต์โดย AssociatedPress
          สุดโหด! สาวมะกันใจเด็ด จับสามีมอมยานอนหลับ ก่อนตัดเจ้าโลกโยนทิ้งขยะอย่างเลือดเย็น
          เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคมที่ผ่านมา สำนักข่าวเอพี รายงานว่า หญิงอเมริกันใจเด็ด วางยานอนหลับสามีในอาหารเย็น ก่อนตัดเจ้าโลกสามีแล้วโยนทิ้งขยะ คาดเป็นเพราะไม่พอใจสามีตีตัวออกห่าง

          โดยเหตุเกิดการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 กรกฏาคมที่ผ่านมา  แคทเธอรีน เบ็คเกอร์ วัย 48 ปี ได้วางยานอนหลับสามีวัย 51 ปี ในบ้านพักของทั้งคู่ที่เมืองการ์เดน โกรฟ ใกล้กับนครลอส แองเจลิส โดยแคทเธอรีนได้แอบใส่ยานอนหลับลงไปในอาหารของสามี ซึ่งเมื่อสามีหลับไปแล้ว เธอก็ได้จับเขามัดไว้กับเตียง แล้วรอให้สามีตื่นขึ้นมาก่อน ซึ่งเมื่อเขาตื่นขึ้นมา เธอก็จัดการใช้มีดเฉือนอวัยวะเพศของเขาและโยนทิ้งลงในถังขยะทันที ก่อนจะโทรแจ้งหน่วยฉุกเฉินมารับสามีไปโรงพยาบาล ซึ่งเมื่อเจ้าหน้าที่มาถึงที่เกิดเหตุ ก็พบว่าผู้เคราะห์ร้ายถูกมัดไว้กับเตียง และมีเลือดออกจำนวนมากบริเวณขาหนีบ จึงรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลโดยด่วน เนื่องจากเหยื่อมีอาการสาหัสแล้ว 
          จากการสอบสวนเหยื่อเคราะห์ร้าย พบว่า เขารู้สึกว่ามีสิ่งปกติกับอาหารที่เขาทาน แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก พอรู้สึกง่วงนอนก็เดินไปที่เตียงแล้วหลับไป ก่อนที่จะตื่นมาพบว่าตนเองถูกมัดไว้กับเตียงแล้ว และหลัง จากเขาฟื้นขึ้นมา ภรรยาของเขาก็กระชากเสื้อผ้าออก หยิบมีดมาเฉือนอวัยวะเพศจนขาดแล้วโยนลงถังขยะไปต่อหน้าต่อตา

          ส่วนทางด้านเพื่อนบ้านของทั้งคู่ให้การว่า ทั้งคู่แต่งงานกันเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้วแต่ไม่มีบุตรด้วยกัน ซึ่งชีวิตคู่ก็ดูสงบดี ไม่เคยมีปัญหาอะไรมาก่อน แต่เมื่อไม่นานมานี้ ทราบมาว่าทั้งคู่กำลังจะหย่ากันเสียแล้ว ซึ่งเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่า ฝ่ายภรรยาอาจไม่พอใจที่สามีอยากจะหย่าและทำตัวออกห่าง จึงลงมือทำการดังกล่าว
          อย่างไรก็ดี ขณะนี้แคทเธอรีน ถูกตั้งข้อหาประทุษร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้รับบาดเจ็บ หน่วงเหนี่ยวกังขัง ทำร้ายผู้อื่นด้วยอาวุธอันตราย ใช้ยาอันตรายเพื่อก่ออาชญากรรมแล้ว ซึ่งตำรวจจะนำตัวไปฝากขังยังเรือนจำออเรนจ์ เคาน์ตี้ต่อไป โดยตำรวจตั้งวงเงินประกันไว้ที่ 1 ล้านเหรียญ

วันเสาร์ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2554

Recipe apple green trace acne treatment.


ผิวสวย
Les cicatrices d'acné où avez toutes les filles comme nous avons perdu la confiance de vraiment plus aimé? Toute tache noire va s'estomper, il faut beaucoup de temps.Cause un esprit de nuisance.

          
OK! Cela ne veut pas avoir à se soucier plus en. Com bouteille parce qu'il ya de bons conseils la façon de frapper dans le traitement de l'acné, de tracer un simple fondu pour laisser un moyen de guérir naturellement.

          
D'abord, vous devez vous laver le visage avant. Puis sous-pages à sec De boeuf et pommes vertes 1 résultat (peeling, excusez-moi), alors regardez bien mélanger la crème. Apportez de la peinture sur ton visage masser doucement sur la cicatrice qui est causée par l'acné. Laissez environ 10 à 15 minutes, puis rincer à l'eau à nouveau.

          
Cette formule, vous les filles peuvent faire tous les jours. Ou bien un autre jour.Non longue piste de votre acné, il va progressivement devenir plus léger pour aider à garder votre peau humide et brillante avec.

สูตรแอปเปิ้ลเขียว รักษารอยสิว

ผิวสวย

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม 

          แผลเป็นจากสิวนี่มันทำให้สาว ๆ อย่างเราเสียความมั่นใจไปได้จริง ๆ เลยว่าไหมคะ แถมกว่ารอยด่าง ๆ ดำ ๆ จะจางหาย ก็ใช้เวลานานแสนนาน จนทำให้เกิดความรำคาญใจ

          เอาล่ะ!! วันนี้ไม่ต้องกังวลอีกต่อไปแล้วค่ะ เพราะกระปุกดอทคอมมีเคล็ดลับดี ๆ วิธีโดน ๆ ในการรักษารอยสิวให้จางหายแบบง่าย ๆ มาฝาก แถมยังเป็นวิธีตามธรรมชาติอีกด้วย 

          ก่อนอื่นคุณต้องล้างหน้าให้สะอาดเสียก่อน จากนั้นซับหน้าให้แห้ง และใช้เนื้อแอปเปิ้ลเขียว 1 ผล (ปอกเปลือกก่อนนะคะ) ปั่นให้ละเอียดจนมีลักษณะเป็นเนื้อครีม นำมาทาให้ทั่วใบหน้า นวดเน้นเบา ๆ บริเวณที่เป็นรอยแผลที่เกิดจากสิว ทิ้งไว้ประมาณ 10 – 15 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาดอีกครั้ง 

          สูตรนี้คุณสาว ๆ สามารถทำได้ทุกวัน หรือจะทำวันเว้นวันก็ได้ ไม่นานรอยสิวของคุณก็จะค่อย ๆ จางลง แถมยังช่วยบำรุงผิวของคุณให้สดใสชุ่มชื่นได้ด้วย 


               เรื่องราวผู้หญิง ความสวยงาม แฟชั่น ความรัก มากมาย คลิกเลย 
               คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อน ๆ ได้ที่นี่ค่ะ
 

วันศุกร์ที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ได้ผลเกินคาด! ทำกิฟท์ท้องแรก คลอดแฝด 5

ทารก


ทำกิฟท์ได้ผลเกินคาดคลอดแฝด5 (ไอเอ็นเอ็น)
 
         อยากมีลูก ทำกิฟท์ท้องแรก คลอดทีเดียว แฝด 5 ชาย 4 หญิง 1 คุณพ่อมือใหม่ดีใจ บอกจะเลี้ยงให้ดีที่สุด

         วันนี้ (10 มิถุนายน) เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ จังหวัดนครสวรรค์ ได้แจ้งให้ทราบว่า มีหญิงมาผ่าตัดคลอดบุตร ออกมาเป็นแฝด 5 คน ซึ่งจากการตรวจสอบทราบชื่อมารดา คือ นางนารารัตน์ สอนภาษิต อายุ 34 ปี เป็นชาวจังหวัดชลบุรี ส่วนสามีชื่อ นายสราวุฒิ พุ่มพงษ์ อายุ 32 ปี มีอาชีพค้าขายอยู่ที่จังหวัดชลบุรี โดย นางนารารัตน์ มีกำหนดคลอด วันที่ 14 มิถุนายน ที่จะถึงนี้ แต่เนื่องจากมีอาการปวดท้อง และแพทย์แนะนำให้นอนที่โรงพยาบาล เพื่อที่จะได้อยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด จนกระทั่ง เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นางนารีรัตน์ ได้เกิดอาการปวดท้อง แพทย์จึงได้พาไปยังห้องผ่าตัด เพื่อทำคลอด โดยหลังจากผ่าตัดแล้ว พบว่า ทารกทั้ง 5 คน สมบูรณ์ปลอดภัยดี แต่แพทย์ยังให้อยู่ในตู้อบก่อน 

         สำหรับทารกแรกเกิดแฝด 5 เป็นชาย 4 คน หญิง 1 คน โดยน้ำหนักแต่ละคนอยู่ประมาณ 1,500 กรัม ส่วนคนที่ 4 มีน้ำหนักน้อยที่สุดอยู่ที่ 910 กรัม ซึ่งขณะนี้เด็กทั้งหมดอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด ส่วนมารดาหลังจากผ่าตัดแล้วปลอดภัย 

         นายสราวุฒิ ผู้เป็นสามี เปิดเผยว่า ภรรยามีบุตรยาก จึงไปปรึกษาแพทย์และแนะนำให้ทำกิฟท์ ซึ่งหลังจากทำแล้ว นางนารีรัตน์ ได้ตั้งท้องจนมา เมื่อเดือนที่ 6 ตนและภรรยาจึงทราบว่า ได้ลูกแฝด 5 คน หลังจากอัลตร้าซาวด์ดู ตนและภรรยาดีใจมากที่ได้ลูกครั้งนี้ ถึงแม้มีอาชีพค้าขาย แต่ก็จะเลี้ยงลูกทั้ง 5 คน ให้ดีที่สุด





ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล

วันพุธที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2554

เมื่อเจ้าหนูท้องเสีย

ท้องเสีย

เมื่อเจ้าหนูท้องเสีย จู๊ด...จู๊ด...ปู๊ด...ปู๊ด
 (Mother & Care)
โดย : มิมิจัง

          การถ่ายท้องเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นกับคนทุกเพศทุกวัย แล้วถ้าวันหนึ่ง การถ่ายท้องกลายเป็นเรื่องไม่ปกติของเจ้าจอมซนประจำบ้านล่ะ จะชุลมุนวุ่นวายขนาดไหนนะ เพื่อช่วยให้คุณพ่อคุณแม่เตรียมพร้อมรับมือ กับสถานการณ์อึไม่ปกติของลูก เราขอแนะนำให้รู้จักกับหนึ่งในอาการถ่ายท้องที่ไม่ปกตินั่นคือ...อาการท้องเสีย!!!

รู้ได้อย่างไรว่า "ท้องเสีย"

          ความปกติในการถ่ายท้องของเด็กแต่ละคนไม่เหมือนกัน เด็กบางคนถ่ายวันละ 1-2 ครั้ง ในขณะที่เด็กบางคนอาจถ่าย 2 วันครั้ง ทั้งนี้หากลูกรักมีอาการถ่ายบ่อยผิดปกติไปจากเดิม โดยถ่ายเหลวเป็นน้ำ หรืออาจมีมูก มีเลือดปน คุณพ่อคุณแม่ก็เตรียมตัวดูแลรักษาอาการท้องเสียในเบื้องต้น ได้เลยค่ะ

"ท้องเสีย" เกิดขึ้นได้อย่างไร

อาการท้องเสียเกิดขึ้นได้หลายสาเหตุ ดังนี้

          1.การติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียในทางเดินอาหาร ทั้งนี้อาจเกิดจากการดื่มน้ำ หรืออาหารที่ไม่สะอาด และมีการปนเปื้อนของเชื้อโรค แม้ว่าคุณพ่อคุณแม่จะมั่นใจได้ว่า อาหารและน้ำดื่มที่ให้เจ้าตัวเล็กกินนั้น ถูกสุขลักษณะและสะอาดอย่างแน่นอน แต่ก็อย่าลืมว่า เชื้อโรคหรือสิ่งสกปรกอาจมาจากมือของลูกน้อยในการหยิบจับของเข้าปาก หรืออาจมาจากภาชนะที่นำมาใส่อาหารหรือเครื่องดื่มก็เป็นได้ นอกจากนี้อาจเกิดจากการติดเชื้ออื่น ๆ ในทางเดินอาหาร เช่น บิด อหิวาต์ ไทฟอยด์ เชื้อรา โรต้าไวรัส เป็นต้น

          2. ผลข้างเคียงจากการใช้ยาปฏิชีวนะบางชนิด อาการท้องเสียจากยานั้นมักเกิดขึ้นหลังจากกินยาไปแล้วประมาณ 3-5 วัน โดยส่วนใหญ่มักเกิดจากตัวยาที่มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อได้หลายชนิด

          3.ระบบการย่อยการดูดซึมของลำไส้ทำงานผิดปกติ

          ทั้งนี้อาการท้องเสียยังเกิดจากสาเหตุอื่น ๆ ได้อีก เช่น การแพ้โปรตีนในนม, ภาวะอารมณ์ ต่าง ๆ (เครียด, กังวล, ตื่นเต้น) เป็นต้น

ทำอย่างไรเมื่อลูก "ท้องเสีย"

          หากลูกน้อยมีอาการท้องเสียแต่ยังสามารถเล่นได้ตามปกติ ไม่มีอาการผิดแปลกไปจากเดิม คุณพ่อคุณแม่สามารถให้การดูแลในเบื้องต้นได้ตามนี้

          1.ผสมน้ำตาลเกลือแร่แก้ท้องเสียกับน้ำดื่มที่สะอาด ให้ดื่มตามปริมาณที่กำหนดก็จะช่วยในการสูญเสียน้ำ, เกลือโซเดียม และโพแทสเซียมจากการถ่ายท้องได้

          2.งดดื่มน้ำผลไม้หรือเครื่องดื่มที่มีน้ำตาล เพราะอาจทำให้ถ่ายท้องบ่อยขึ้น

          3.งดดื่มนมสด หรืออาจให้ดื่มที่เหมาะกับภาวะท้องเสีย เช่น นมถั่วเหลือง หรือนมที่ไม่มีแล็กโตส

          4.กินอาหารอ่อน ๆ ย่อยง่าย จำพวก โจ๊ก ข้าวต้ม เป็นต้น ทั้งนี้ควรทานครั้งละน้อย ๆ แต่บ่อย ๆ เพื่อให้ลำไส้ค่อย ๆ ย่อยและดูดซึมอาหาร

          5. งดอาหารย่อยยากและอาหารที่มีไขมันสูง

          6.หลีกเลี่ยงการซื้อยาหยุดถ่ายให้ลูกกิน เพราะถึงแม้จะช่วยให้อาการถ่ายท้องทุเลาลงไปชั่วคราว แต่ไม่สามารถช่วยรักษาการขาดน้ำจากการถ่ายท้องได้ พร้อมกันนี้การติดเชื้อก็ยังคงอยู่ ไม่ได้ขจัดออกไป ซึ่งอาจเป็นอันตรายแก่ลูกมากขึ้น

          7.หากลูกมีอาการท้องเสียมาก หรือมีอาการอื่น ๆ เช่น อาเจียนมาก ไข้ขึ้นสูง อ่อนเพลีย ซึม เป็นต้น ควรพาลูกไปพบคุณหมอ

ป้องกันไว้ก่อนอาการท้องเสียจะถามหา

          อยากให้ลูกน้อยปลอดภัย และห่างไกลจากอาการท้องเสียขอแนะนำหลากหลายวิธีควรปฏิบัติ ดังนี้

          1.ปลูกฝังนิสัยล้างมือก่อนหยิบจับกินอาหารทุกครั้ง

          2.ระมัดระวังการเล่นของลูกกับสัตว์เลี้ยงแสนรัก เพราะอาจติดเชื้อท้องเสียได้ เนื่องจากน้องหมาน้องแมวที่มักจะออกไปเล่นซนหรือคุ้ยหาเศษอาหารต่าง ๆ ทำให้มีเชื้อโรคหรือสิ่งสกปรกติดตามปากและตัว

          3.หมั่นตรวจเช็กภาชนะสำหรับใส่อาหารและเครื่องดื่มว่า ได้รับการเช็ดล้างอย่างสะอาด และถูกจัดเก็บในตู้ที่ปิดมิดชิดปลอดภัยจากแมลงสาบ และหนูที่อาจไต่ไปตามภาชนะ

          4.กินอาหารที่ปรุงสุกและสะอาด พร้อมกันนี้ควรจัดเก็บอาหารไว้ในตู้กับข้าว หรือใช้ฝาชีปิดครอบอาหาร เพื่อป้องกันแมลงวันตอม

          5.ปิดฝาถังขยะให้มิดชิด เพื่อหลีกเลี่ยงแมลงวันตอม และหลีกเลี่ยงการคุ้ยอาหารจากสัตว์เลี้ยง เช่น หมา แมว

          6.ดูแลรักษาความสะอาดให้ลูก และระวังเป็นอย่างยิ่งในเรื่องของการหยิบฉวยเอาอะไรเข้าปาก






ขอขอบคุณข้อมูลจาก

วิจัยเผยหญิงชอบชายมาดขรึม ส่วนชายชอบหญิงร่าเริง

ความรัก

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
 
          เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์เดลิเมล ของอังกฤษ เปิดเผยรายงานการสำรวจพบว่า ผู้หญิงส่วนใหญ่ ชอบผู้ชายมาดขรึม มากกว่าผู้ชายดูยิ้มแย้มแจ่มใสอารมณ์ดี แต่ในทางกลับกัน ผู้ชายชอบผู้หญิงที่ยิ้มแย้มแจ่มใสอารมณ์ดี มากกว่าผู้หญิงที่ดูมั่นใจ ขรึม และเย่อหยิ่ง

          จากการศึกษาของมหาวิทยาลัยบริติชโคลัมเบีย นำทีมโดยศาสตราจารย์เจสสิก้า เทรซี่ ระบุว่า เป็นสิ่งที่รู้กันดีว่า การมีใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส เป็นสิ่งที่ช่วยให้คนเราเข้าสังคมได้ง่ายขึ้น รวมถึงมีแรงดึงดูดต่อเพศตรงข้ามด้วย แต่ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้น จากผลการสำรวจกลับพบว่า ผู้ชายและผู้หญิงมีการโต้ตอบต่อการแสดงอารมณ์ของเพศตรงข้าม ที่แตกต่างกันไป โดยผู้หญิงส่วนใหญ่ชอบผู้ชายมาดขรึม มากกว่าผู้ชายดูยิ้มแย้มแจ่มใส แต่ผู้ชายส่วนใหญ่กลับชอบผู้หญิงที่ยิ้มแย้มแจ่มใส มากกว่าผู้หญิงขรึมเสียอีก

          สำหรับการวิจัยในครั้งนี้ ทีมวิจัยได้ให้อาสาสมัครกว่า 1,000 คน ดูรูปของเพศตรงข้ามที่มีทั้งรูปคนที่กำลังยิ้มกว้าง คนที่ยืดอกด้วยความภาคภูมิใจ และคนที่มีท่าทีดูขรึม ซึ่งผลปรากฎออกมาว่า อาสาสมัครเพศหญิงจะเลือกรูปผู้ชายที่มีท่าทีขรึม และมีน้อยคนที่เลือกรูปผู้ชายที่ยิ้มแย้ม แต่ในขณะเดียวกัน อาสาสมัครเพศชายกลับเลือกรูปผู้หญิงที่ยิ้มแย้ม และแทบไม่มีผู้ชายคนไหนที่เลือกรูปผู้หญิงที่ดูเย่อหยิ่ง เคร่งขรึมเลย

          อย่างไรก็ดี ทีมวิจัยได้กล่าวว่า การวิจัยครั้งนี้ศึกษาเรื่องปฎิกิริยา และความประทับใจแรกพบที่มีต่อรูปลักษณ์ของเพศตรงข้ามเท่านั้น ไม่ได้ให้อาสาสมัครมองหากลุ่มเป้าหมายที่จะมาเป็นแฟน หรือ สามี ภรรยาในอนาคตเลย

          ทั้งนี้ แม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีผลการศึกษาที่พบว่า คนที่ดูอารมณ์ดีและบุคลิกที่ดี จะเป็นที่ต้องการอย่างมากสำหรับเพศตรงข้าม ซึ่งขัดแย้งกับงานวิจัยชิ้นนี้ แต่ทีมวิจัยก็ได้ชี้แจงว่า ผลการศึกษาอื่น ๆ ก็ได้แสดงให้เห็นว่าสิ่งที่จะดึงดูดเพศตรงข้ามได้เ ปลี่ยนไปตามทฤษฏีการเปลี่ยนแปลง แรงบีบบังคับทางสังคม ยกตัวอย่างทฤษฏีการเปลี่ยนแปลงที่ได้บอกไว้ว่า ผู้หญิงรู้สึกชื่นชอบผู้ชายที่ดูทะนงตนเพราะพวกเขาจะดูลึกลับ และดูมีความสามารถที่จะหาคนรักและทายาทของเขา ได้ง่ายกว่าผู้ชายที่ดูใสซื่อทั่วไปนั่นเอง ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ชายประเภทนี้ยังมีความดึงดูดทางร่างกาย เช่น ช่วงหน้าอกและกล้ามเนื้อที่ดูมีความเป็นผู้ชาย

          นอกจากนี้ นักวิจัยยังกล่าวอีกว่า งานวิจัยนี้ได้ศึกษาเพื่อให้เข้าใจรสนิยมทางเพศ ของชายหญิงในปัจจุบันนี้ ซึ่งอาจแตกต่างจากอดีต และอาจจะแตกต่างกันไปในแต่ละสังคมด้วย โดยสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ อาจอธิบายได้ว่ามันเป็นหลักการของการเปลี่ยนแปลงทางจิตวิทยา บรรทัดฐานเรื่องเพศ และสภาพทางสังคมและวัฒนธรรมที่เปลี่ยนแปลงไป และที่สำคัญ มันยังแสดงให้เห็นว่า รสนิยมทางเพศของชายหญิงก็เป็นสิ่งที่ไม่ตายตัว มีเปลี่ยนแปลงอยู่เรื่อย ๆ ตั้งแต่อดีต และมันก็ยังคงเปลี่ยนแปลงต่อไปตามยุคสมัย และสภาพสังคมในอนาคตอย่างแน่นอน